วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2556

อุปกรณ์แต่งรถ new vios 2013

ปลายท่อไอเสีย สแตนเลส ใช้ได้กับทุกรุ่น สแตนเลส ใช้ได้กับทุกรุ่น
รหัส PZ056-0D008  ราคา 330.00 บาท
  วัสดุผลิตจากสแตนเลส SUS304 พร้อมกับการปัดเงาให้กับชิ้นงาน เพิ่มความมีเอกลักษณ์ให้กับมุมมองด้านท้ายรถ ด้วยดีไซน์ของชิ้นงานในส่วนของปลายท่อไอเสีย พร้อมกับการใส่ใจในการออกเป็นทุกสัดส่วน เริ่มจาก มีรูระบายน้ำป้องกันการเกิดสนิม การจัดวางตำแหน่งไม่ให้ชิ้นงานออกมานอกตัวรถป้องกันอันตรายจากความร้อน การคำนวณความสูงต่ำของตัวชิ้นงานหลังการติดตั้ง (Departure Angel) ให้ผ่านมาตราฐานของโตโนต้าเพื่อป้องกันชิ้นงานไม่ให้ชนเกิดความเสียหายในขณะการใช้งาน รักษาระยะรอบตัวระหว่างชิ้นงานและขอบกันชนหลังตามมาตราฐานโตโยต้า สะดวกในการติดตั้งไม่มีผลต่อการไหลเวียนของไอเสีย เพิ่มความมั้นใจกับลูกค้าด้วยโลโก้โตโยต้าบนชิ้นงาน ผ่านมาตราฐานการทดสอบการเกิดสนิม Salt Spray 480 ชม. รับประกัน 3 ปี หรือ 100,000 กม. ตามสภาวะการใช้งานปกติ
ปล ชิ้นนี้ข้างนอก ไม่ตำกว่า 500 หรือเปล่าเนี้ยะ เห็นไหมซื้อจากศูนย์ ถูกแท้ทน ด้วย

รหัส PZ033-0D007 ราคา 1,600.00 บาท
ใช้ได้กับ new vios 2013 ทุกรุ่น

   ช่วยป้องกันแสงแดดและละอองฝน  เพิ่มความสวยงามให้กับรถ ชิ้นงานผลิตด้วยการฉีดขึ้นรูป (injection) วัสดุเป็นพลาสติกใสชนิด PMMA มีคุณสมบัติกรองแสงแดด (1ชุด มี4ชิ้น) ออกแบบโครงสร้างให้โค้งรับ และแนบกับขอบประตูรถยนต์ ติดตั้งด้วยเทปกาวสองหน้ามาตรฐาน 3M พร้อมขายึดโลหะผิวงานเรียบ มีความหนาของชิ้นงานที่สม่ำเสมอ สวยงาม ผ่านการวิ่งทดสอบเรื่องเสียงรบกวนของลมขณะขับขี่ (Wind Noise Evaluation) ตามมาตรฐานของโตโยต้า


รหัส PZ049-0D009  ราคา 1,850.00
ใช้ได้กับทุกรุ่น
   วัสดุผลิตจากพลาสติก (ABS) ด้วยกระบวนการผลิตแบบ Injection Process ที่มีความละเอียดของชิ้นงานสูง ผิวด้านนอกชุบโครมเมี่ยมเพิ่มความสวยงามและทนทาน  ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นด้วยการออกแบบมาให้เป็นส่วนหนึ่งของฝากระโปรงหลัง ทำให้เพิ่มความสวยงามหรูหราให้กับตัวรถเป็นอย่างดี ติดตั้งง่ายด้วยเทป 3M ไม่ต้องเจาะประตูรถ อีกทั้งยังทนความร้อนและการกัดกร่อนได้เป็นอย่างดีและผ่านมาตรฐานของโตโยต้า อีกทั้งไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

คิ้วโครเมี่ยม กันชนหน้า
รหัส PZ049-0D006  ราคา 1,950.00 บาท
ใช้ได้กับทุกรุ่น
   วัสดุผลิตจากพลาสติก (ABS) ด้วยกระบวนการผลิตแบบ Injection Process ที่มีความละเอียดของชิ้นงานสูง ผิวด้านนอกชุบโครมเมี่ยมเพิ่มความสวยงามและทนทาน ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นในสัดส่วนที่เหมาะสมและเป็นเหมือนเป็นส่วนหนึ่งกับกันชนหน้า ทำให้เพิ่มความสวยงามหรูหราให้กับตัวรถเป็นอย่างดี ติดตั้งง่ายด้วยเทป 3M ที่มีคุณภาพสูง  ชิ้นงานทนต่อความร้อนจากสภาพแวดล้อม  และผ่านมาตรฐานของโตโยต้า อีกทั้งไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม


วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Toyota Prius 2013

"Toyota Prius TRD Sportivo"

โตโยต้าพรีอุสปรับโฉมใหม่เอาใจคนรักรถแนวสปอร์ต TRD Sportivo มาพร้อมชุดแต่งสปอร์ตรอบคัน เพิ่มเติมสเกิร์ต, กันชนหน้า, กันชนหลัง, ล้ออัลลอยด์ 16 นิ้ว ใหม่แบบ Smoke Chrome ยาง 205/55/R16 ที่ขาดไม่ได้คือสัญลักษณ์ TRD Sportivo ด้านข้างและด้านหลัง ภายในสปอร์ตไม่แพ้กันด้วยเบาะหนังสีดำ, พรมลายพิเศษสัญลักษณ์ Sportivo, ระบบมัลติมีเดียหน้าจอสัมผัส พร้อมเครื่องเล่น DVD/CD/MP3/WMA และพอร์ทสำหรับเชื่อมต่อ USB เข้ากับมือถือหรือโน้ตบุ๊ค  มี 3 สีให้เลือก สีขาว (White Pearl Crystal), สีดำ (Attitute Black Mica), สีแดง (Red Mica Metallic) ราคาเริ่มต้นที่ 1,269,000 บาท (เฉพาะสีขาวเพิ่ม 10,000 บาท)
 ถึงเวลาแล้วที่คนไทยจะได้สัมผัสนวัตกรรมแห่งอนาคต ที่บรรจงสร้างอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่กวาดรางวัลมาแล้วมากมาย ด้วยยอดขายที่เหลือเชื่อ สามารถที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี สมรรถนะที่เต็มเปี่ยมด้วยเทคโนโลยี่อันเหนือระดับ จากการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้งจากโตโยต้า
เรามาดูกันซิว่ามีอะไรบ้างที่บรรจุอยู่ใน Prius hybrid
เริ่มจากหัวใจของรถยนต์คือเครื่องยนต์ จะใช้ขนาด 1800 cc. 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว วัฎจักร atkinson vvt-I กำลังสูงสุด 73 kw (99 ps) ที่5200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตรที่ 4000 รอบต่อนาที
ส่วนทางด้านมอเตอร์เจนเนอเรเตอร์ จะมีกำลังสูงสุด 60 kw(82 ps) ทางด้านแรงบิดจะมีถึง 207 นิวตันเมตร แต่ถ้าเครื่องยนต์บวกกับมอเตอร์ไฟฟ้าจะได้กำลังสูงสุดถึง 100 kw (136 ps) เลยทีเดียว ซึ่งมีกำลังที่เพียงพอรวมถึงการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงอีกด้วย ตัวเครื่องยนต์จะไร้ซึ่งสายพาน ดังนั้น แรงฉุดที่จะมากระทำหรือภาระที่มีผลต่อเครื่องยนต์ก็จะดีขึ้น เป็นผลให้อัตราการสิ้นเปลืองโดยเฉลี่ยไม่ว่าจะในเมืองหรือนอกเมืองตกประมาณ ถึง 20 กิโลเมตรต่อลิตรกันเลยทีเดียว ทางด้านการปล่อยไอเสียผ่านมาตรฐาน Euro ระดับที่ 5 น้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ ตั้งแต่ E10 ขึ้นไป (อี 20 ยังใช้ไม่ได้)
ทางด้านแบตเตอรี่ไฮบริด จะใช้ชนิดนิกเกิ้ลเมทัลไฮดราย ที่มีแรงดันไฟฟ้า 201.6 โวลต์ มี 28 โมดูล หากเทียบกับ camry จะมีน้อยกว่า เพราะcamry มีแรงดันไฟฟ้า 244.8 โวลต์ มี 34 โมดูล ซึ่งจะแตกต่างกันนั่นเอง ทางด้านการรับประกันในส่วนแบตเตอรี่ไฮบริดนั้น 5 ปี โดยที่ไม่จำกัดระยะทาง

มาดูกันในส่วนของการขับเคลื่อน จะใช้ระบบส่งกำลังแบบ E – CVT เหมือนที่อยู่ใน camry hybrid แต่มีการเลือกรูปแบบการขับขี่ได้คือ 1 EV 2 ECO MODE 3 PWR MODE แต่ละอย่างนั้นมีการทำงานที่ต่างกันแล้วแต่ผู้ขับขี่ต้องการนั่นเอง
คันเข้าเกียร์จะมีเอกลักษณ์เป็นของตนเองอาจดูแปลกตากันไปบ้าง ที่แน่ๆสะดวกสบายทันสมัย เบาแรง เข้าเกียร์ง่าย การที่จะเข้าเกียร์ผิดตำแหน่งจะกระทำไม่ได้เลย นอกจากนั้นเงื่อนไขในการทำงานผู้ขับขี่จะต้องทำความเข้าใจเช่นกัน ซึ่งรายละเอียดจะแสดงบนที่มาตรวัดเพื่อให้ผู้ขับขี่ทราบว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร เป็นต้น ผสมผสานกับช่วงล่างทางด้านหน้าแบบเมคเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลงทางด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม ในส่วนของเบรกก็เป็นดีสเบรกทั้งสี่ล้อ ประสิทธิภาพของการเบรกมั่นใจได้เลยว่าสุดยอด หากมีการเบรกแบบกะทันหัน ไฟเบรกท้ายจะมีการทำงานแบบกระพริบทำให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น การบังคับเลี้ยวจะเป็นแบบไฟฟ้า(eps) หากมีการจอดรถบนทางชัน จะมีการทำงานของระบบ HAC ไม่ให้รถมีการเลื่อนไถลขณะออกตัวบนทางชันนั่นเอง จะเหมือนกับรถยนต์ ALPHARD และ LANDCRUISER PRADO เงื่อนไขการทำงาน จะต้องศึกษาเพิ่มเติมเล็กน้อย
มาดูกันที่มิติของรถยนต์ มีความยาวของทั้งหมด 4.46 เมตร กว้าง 1.745 เมตร และสูง 1.49 เมตร เรียกได้ว่ามีการออกแบบได้อย่างลงตัวทีเดียว รัศมีวงเลี้ยวแค่ 5.2 เมตร โดยมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน เท่ากับ cd 0.25 เท่านั้น ทำให้การเคลื่อนที่ของรถรวมถึงการทรงตัวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย การบรรทุกสัมภาระทางด้านท้ายสามารถจุได้ถึง 445 ลิตร ถือว่าไม่น้อยเลย ความจุของถังน้ำมันเชื้อเพลิงก็ 45 ลิตร เรียกได้ว่า หากใช้งานตามเงื่อนไขแทบจะลืมการเติมน้ำมันกันเลยทีเดียว
ถัดมาในเรื่องของอุปกรณ์ภายนอกที่มีให้ใน prius hybrid เริ่มที่ ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ LED จะออกแนวๆสีฟ้าพิเศษ มีความสวยงามโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไฟประเภทนี้จะช่วยลดการใช้พลังงานได้ส่วนหนึ่ง ยังไม่หมดแค่นั้น ยังสามารถปรับระดับสูง-ต่ำอัตโนมัติ และเปิด-ปิดอัตโนมัติ แต่ถ้าเป็นรุ่น top ก็จะมีระบบทำความสะอาดไฟหน้า (pop-up type) มาพร้อมกับตัวรถอีกด้วย กระจกมองข้างเป็นแบบลดการเกาะตัวของหยดน้ำ (hydrophilllic) แต่ก็มีสิ่งที่เหนือชั้นคือ กระจกมองข้างจะ มีระบบไล่ฝ้าให้มาอีกด้วยนะครับ ทางด้านของปัดน้ำฝนด้านหน้าจะเป็นแบบอัตโนมัติส่วนทางด้านท้ายจะเป็นแบบหน่วงเวลาที่ดูเข้ากันกับสปอยร์เลอร์หลังที่ดูโดดเด่นมองเห็นอยู่ทางท้ายรถ
Prius
ต่อมาในเรื่องของอุปกรณ์ภายในขอนำเสนอที่เด่นๆและเน้นๆใน prius hybrid ได้แก่
- พวงมาลัยหนังแบบ 4 ก้าน
- หน้าต่างไฟฟ้ามาพร้อมระบบป้องกันกระจกหนีบทั้ง 4 บาน
- ไฟเอนกประสงค์มีทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
ไม่เพียงเท่านั้น ไฟส่องสว่างที่เท้าคู่หน้าก็มีมาให้พร้อมสรรพ ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารก็เป็นแบบอัตโนมัติ กระจกมองหลังก็เป็นแบบตัดแสงอัตโนมัติ วัสดุหุ้มเบาะประเภทหนังแท้สีเทา ในรุ่น top ส่วนในรุ่นรองเบาะจะเป็นวัสดุคล้ายกำมะหยี่ ตำแหน่งผู้ขับจะมีชุดดันหลังมาให้ด้วย เบาะนั่งด้านหลังสามารถพับแยกได้ ระบบปรับอากาศเป็นแบบอัตโนมัติ นอกจากนี้ ยังมีระบบขจัดฝุ่นละอองที่เหมือนกับรถยนต์ Alphard ที่เบาะคู่หน้าจะมีระบบอุ่นเบาะมาให้ด้วยในรุ่น top ซึ่งจะช่วยในเรื่องกล้ามเนื้อของร่างกายได้
มาดูกันต่อ ที่สิ่งอำนวยความสะดวกกันบ้างที่มีให้ ใน prius hybrid เริ่มด้วย push start ที่มีอยู่ในรถยนต์ระดับหรู บวกกับ smart entry ที่อำนวยความสะดวกอย่างมากในการเข้ารถยนต์โดยไม่ใช้กุญแจจะมีด้วยกันถึง 3 ตำแหน่ง (ประตูหน้าซ้าย และขวา, และประตูท้าย) แล้วยังมีระบบการล็อคแบบ 2 ชั้นซึ่งจะเปิดประตูไม่ออกเลยถ้ามีการล็อคไว้เพียงแค่การสัมผัสเท่านั้น ถัดมาก็จอแสดงผลการขับขี่อยากจะบอกว่าในรถยนต์ prius hybrid ไม่ธรรมดาเลย เพราะตำแหน่งของมาตรวัดจะอยู่บริเวณคอนโซลหน้าตรงกลาง สามารถควบคุมและสั่งการได้อย่างง่ายดายโดยผู้ขับขี่ส่งผลให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ขออนุญาตกล่าวถึงรายละเอียดบนหน้าจอสักเล็กน้อยโดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้ดังนี้
กลุ่มที่ 1 อยู่ทางด้านซ้ายมือ จะเป็นการแสดงสัญลักษณ์ที่เหมือนกับรถยนต์ทั่วๆไป
กลุ่มที่ 2 อยู่ตรงกลางของมาตรวัดเลย เป็นการแสดงผลการทำงานและการขับขี่รถยนต์ไฮบริด (advance multi-display zone) ซึ่งจะมีรายละเอียดต่างๆที่มากมายได้แก่
  • แสดงการทำงานหรือสถานะการทำงานของระบบไฮบริด (energy moniter)
  • แสดงผลการขับขี่แบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (hybrid system indicator)
  • แสดงผลอัตราการสิ้นเปลือง 1 นาที/ 5 นาที (1 min/ 5 min consumption record)
  • แสดงผลอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน ของการขับขี่ที่กำหนดไว้พร้อมแสดงผลที่ดีที่สุด (past trip fuel consumption record)
กลุ่มที่ 3 อยู่ทางด้านขวามือของมาตรวัดเป็นการแสดงข้อมูลการขับขี่ทั่วไปและข้อมูลการควบคุมอุปกรณ์ต่างๆได้โดยเพียงสัมผัสเพียงเบาๆเท่านั้นที่สวิทซ์ที่พวงมาลัย
ดังนั้นข้อมูลที่ต้องการจะทราบสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนพร้อมกับการที่จะเลือกสามารถกระทำได้แบบไม่ยากเย็นได้ตามความต้องการ
มาดูกันต่อที่พวงมาลัยสามารถควบคุมระบบปรับอากาศ ,ควบคุมเครื่องเสียง ,โทรศัพท์ , รวมถึงความเร็วคงที่ได้โดยสะดวกสำหรับผู้ขับขี่ ไม่ต้องละสายตาจากเส้นทางมากนักทำให้มีความปลอดภัยเช่นกัน สิ่งอำนวยความสะดวกอีกชิ้นหนึ่งคือ สามารถเลือกระบบของการขับขี่ได้แบบ 3 ฟังก์ชั่น (power , eco , ev mode) ได้ตามความต้องการของท่าน ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีการแสดงผลการขับขี่แบบอัจฉริยะบนกระจกบังลมหน้า HUD (hand-up display) ได้แก่ ความเร็วรถยนต์, และแสดงผลการขับขี่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม(hybrid system indicator)ทางด้านความบันเทิง ในส่วนของเครื่องเสียง ในรุ่น top จะเป็นแบบ 6cd และ 1cd ในรุ่นรอง ลำโพงทั้งหมดที่มีให้ก็ 8 ลำโพง ควบคุมการทำงานได้อย่างง่ายดาย แถมยังมีระบบที่รองรับในอนาคตอีกด้วย ทางด้านการเชื่อมต่อ Bluetooth ผ่านทางเครื่องเสียงก็สามารถกระทำได้เช่นกัน
มาดูทางด้านความปลอดภัยกันบ้าง เริ่มด้วยไฟตัดหมอกหน้าและหลัง ไฟท้ายแบบ LED เลนส์ใส นอกจากนั้นยังมีสิ่งที่เหนือระดับ คือ หากมีการเบรกแบบกะทันหันไฟเบรกท้ายจะกระพริบ ส่วนระบบ ABS EBD VSC TRC ก็ให้มาอย่างครบชุด ถุงลมนิรภัยรอบคัน ทั้งหมด 7 ตำแหน่ง อยู่ที่คู่หน้า ด้านข้าง ผ้าม่านด้านข้างและหัวเข่าผู้ขับขี่ ที่พนักพิงศีรษะเบาะคู่หน้ายังมีระบบที่ช่วยลดการกระแทก ระบบป้องกันการโจรกรรม TDS และ immobilizer ยังไม่พอ ยังมีระบบล็อค 2 ชั้นอีกต่างหาก โครงสร้างตัวถังแบบ GOA อันลือชื่อจากโตโยต้า
ในเรื่องของสีที่มีให้เลือก ได้แก่
1. Blackish mica
2. HV Blue
3. Silver Metallic
4. Black
5. White Pearl เฉพาะรุ่น top เท่านั้น
ทั้งหมดตามที่ได้กล่าวมานั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่มีอยู่ในรถยนต์ prius hybrid ซึ่งยังมีรายละเอียดอีกมากมาย ดังนั้น จึงเรียนเชิญมาสัมผัสกับตัวรถจริง ที่ตัวแทนจำหน่ายโตโยต้าได้ทั่วประเทศ
“คิดถึงรถยนต์โตโยต้าครั้งใด เรียกใช้พิธานพาณิชย์

รีวิวและ การทดลองการใช้งาน "Toyota vios 2013"



พอดีตอนนี้เริ่มเห็นรีวิว Toyota Vios 2013 เริ่มออกมาแล้วนะครับ หลังจากที่ทางโตโยต้าเปิดให้ทดสอบกัน จริงๆทางเจ้าของบทความเขาห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่นอกจากจะขออนุญาตเขาเสียก่อน แต่ผมถือวิสาสะแล้วกันนะ เพราะผมถือว่าผมไม่ได้เผยแพร่นะ แค่เอามาแนะนำเฉยๆ ที่เหลือลองไปอ่านกันต่อในเว็บ headlightmag.com นะครับ ลงมากไม่ได้ เดี๋ยวผมโดนเจ้าของเขาด่า



ผมเองก็รอคอยไม่แพ้คุณผู้อ่านละครับ

รอว่าเมื่อไหร่จะได้ทำบทความนี้ให้คุณได้อ่านกันเสียที อุตส่าห์วางแผนเตรียมการ
ไว้เงียบๆ มานาน ตั้งแต่รู้กำหนดการเปิดตัว คิดไว้เสร็จสรรพเลยว่า ถ้าวันไหน Vios
เปิดตัวปุ๊บ ก็จะดิ่งเข้าไปทดลองขับ กันที่ ดีลเลอร์ แล้วก็ทำบทความรีวิวแบบสั้นๆ
First Impression ให้คุณได้อ่านกันทันที

ที่ไหนได้ Toyota กลับเปิดตัว Vios ใหม่ กันแบบ..แปลกๆกว่าพี่น้องร่วมตระกูลคันอื่นๆ
อย่างมาก เพราะเล่นใช้เวทีในงาน Bangkok International Motor Show รอบ
สื่อมวงชน เดือนมีนาคม ที่ผ่านมา เปิดตัวรถยนต์รุ่นนี้กันกลางบูธ แทนที่จะปฎิบัติตาม
ธรรมเนียมเดิมๆ คือ จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวในโรงแรมหรือศูนย์ประชุม แสดงสินค้า ที่ใด
สักแห่ง ก่อนจะส่งรถมาเข้าร่วมงานแสดงรถยนต์ เปิดตัวสู่สาธารณชน ในภายหลัง

ดูจะเป็นการประหยัดงบประมาณการตลาดที่ต้องใช้ในช่วงเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่
กันอย่างแปลกๆ ไม่เคยมีมาก่อน

แถมตอนเปิดตัว Toyota ยังไม่พร้อมส่งรถยนต์ให้กับผู้จำหน่ายกว่า 300 โชว์รูมทั่วไทย
ต้องรอพ้นช่วงหยุดยาว จากเทศกาลสงกรานต์ จึงจะเริ่มกลับมาผลิตอีกครั้ง การเตรียม
กองทัพ Vios ใหม่ เพื่อช่วงเปิดตัว จึงเกิดขึ้นอย่างเต็มรูปแบบ จากโรงงาน Gateway
สู่บรรดาโชว์รูมทั่วประเทศ พร้อมเพรียงกันในวันที่ 10 พฤษภาคม 2013 ที่ผ่านมาหมาดๆ

ทำให้ผมเองต้องยกเลิกแผนลองขับ Vios ใหม่ ก่อนสื่อรายใด ไปโดยปริยาย เพราะ
ไม่มีเวลาว่างพอที่จะทำบทความนี้ได้อีก มีทางเดียวที่เหลืออยู่ คือมาร่วมทดลองขับ
ในทริปสื่อมวลชน กลุ่มแรก ที่จัดขึ้น เมื่อวันที่ 27 - 28 พฤษภาคม 2013 ขับรถไป-
กลับ ระหว่าง โรงแรม Otaku...เอ้ย! Okura เพลินจิต กับ โรงแรม Hotel de la praix
ที่หัวหิน



อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยเวลาจำกัด และปริมาณรถทดลองขับ กับผู้เข้าร่วมกิจกรรม
มีเยอะมาก ทำให้ผมถูกจัดสรรให้มาลองขับ Vios รุ่น G เกียร์อัตโนมัติ อันเป็นรุ่น
Option กลางๆ ค่อนข้างจะดี ซึ่งได้รับแจ้งมาว่า ช่วงล่างของรุ่น G E และ J จะนุ่ม
ต่างจาก รุ่น S ซึ่งจะกระด้างขึ้นนิดนึง

อีกทั้ง ด้วยเส้นทางซึ่งเต็มไปด้วยรถราคับคั่ง การจราจรติดขัด และถนนที่ใช้ในช่วง
ครึ่งหลัง ก็เป็น ทาง 2 เลน ผ่านชุมชน มีเลี้ยวซ้ายและขวามากมาย เข้าไปสู่หาดชะอำ
ระยะทางสั้นลง 20 กิโลเมตร แต่ใช้ความเร็วได้ไม่กมากเกินไปกว่า 120  กิโลเมตร/
ชั่วโมง ดังนั้น ในบทความนี้ จึงยังไม่มีการทดลองตัวเลขอัตราเร่ง อัตราสิ้นเปลือง
หรือความเร็วสูงสุดต่างๆมาให้

เราเดินทางไปร่วมทริป ไปกันเป็นหมู่คณะ ขับกันไปหลายคัน จะทดลองรถเอง
โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ร่วมทริปเดียวกันท่านอื่นๆ ก็ไม่ถูกต้องแน่ๆ

ดังนั้น ในรีวิวนี้ จึงจะมีรายละเอียดและภาพถ่ายของรุ่น G กันเป็นหลัก ส่วนรุ่น S
และบรรดาตัวเลขทั้งหลายที่คุณอยากรู้ เก็บเอาไว้รออ่านอีกครั้งใน บทความฉบับ
Full Review ก็แล้วกัน...



นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในเมืองไทย เมื่อเดือนมกราคม 1997 Soluna Vios ก็กลายเป็น
ผู้เล่นรายสำคัญของตลาดรถยนต์นั่งในเมืองไทย ด้วยการครองแชมป์ยอดขายอันดับ 1
ต่อเนื่องกันมาเรื่อยๆ แม้ว่าในช่วงรุ่นแรก 1997 - 2002 อาจมีอุปสรรคจาก คู่รักคู่แค้น
อย่าง Honda City มากอบโกยยอดขายไปให้ลุ้นระทึกบ้าง (อ้อ...ปลายปีนี้จะมี All New Honda City 2013 รุ่นใหม่ออกมาด้วยนะ)

แต่เมื่อถึงเดือนพฤศจิกายน 2002 จุดเปลี่ยนก็มาถึง เมื่อ Toyota เปิดตัว Soluna Vios
แล้วดึง Britney Spear มาเป็น Presenter ด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ดี ในราคาที่คุ้มค่า
ทำให้ Vios กลับขึ้นมาผงาดเป็นหมายเลข 1 ในกลุ่มรถยนต์นั่ง B-segment หรือ
Sub-Compact class 1,300 - 1,600 ซีซี ต่อเนื่องกันนับแต่นั้น จนถึงปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม ในปี 2007 Toyota เริ่มแนวทางยกระดับการพัฒนา Vios จากเดิมที่
เป็นเพียงแค่ "รถยนต์ เพื่อภูมิภาค ASEAN " ให้กลายเป็น Global Small Sedan
มากขึ้น Vios ใหม่ที่เปิดตัวในเมืองไทย จึงกลายเป็นรถยนต์รุ่นเดียวกันกับ
Belta ในญี่ปุ่น และ Yaris Sedan ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งก็สอดคล้องกับในอดีต
ที่ผ่านมา อันเป็นที่รับรู้กันดีอยู่แล้วว่า Vios ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานงานวิศวกรรม
และพื้นตัวถัง Platform ร่วมกับ Toyota Vitz / Yaris สำหรับตลาดทั่วโลก...

ที่เหลือตามไปอ่านต่อที่เว็บเขาเองละกันเน้อ...ผมกลัวโดนด่าเพราะเขาห้ามเผยแพร่
อ้อ...แล้วเดี๋ยวของเว็บอื่นก็จะตามมาอีกเป็นกระบุงโกยแน่นอนไม่ต้องห่วง รอได้เลยครับ



พอดีตอนนี้เริ่มเห็นรีวิว Toyota Vios 2013 เริ่มออกมาแล้วนะครับ หลังจากที่ทางโตโยต้าเปิดให้ทดสอบกัน จริงๆทางเจ้าของบทความเขาห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่นอกจากจะขออนุญาตเขาเสียก่อน แต่ผมถือวิสาสะแล้วกันนะ เพราะผมถือว่าผมไม่ได้เผยแพร่นะ แค่เอามาแนะนำเฉยๆ ที่เหลือลองไปอ่านกันต่อในเว็บ headlightmag.com นะครับ ลงมากไม่ได้ เดี๋ยวผมโดนเจ้าของเขาด่า



ผมเองก็รอคอยไม่แพ้คุณผู้อ่านละครับ

รอว่าเมื่อไหร่จะได้ทำบทความนี้ให้คุณได้อ่านกันเสียที อุตส่าห์วางแผนเตรียมการ
ไว้เงียบๆ มานาน ตั้งแต่รู้กำหนดการเปิดตัว คิดไว้เสร็จสรรพเลยว่า ถ้าวันไหน Vios
เปิดตัวปุ๊บ ก็จะดิ่งเข้าไปทดลองขับ กันที่ ดีลเลอร์ แล้วก็ทำบทความรีวิวแบบสั้นๆ
First Impression ให้คุณได้อ่านกันทันที

ที่ไหนได้ Toyota กลับเปิดตัว Vios ใหม่ กันแบบ..แปลกๆกว่าพี่น้องร่วมตระกูลคันอื่นๆ
อย่างมาก เพราะเล่นใช้เวทีในงาน Bangkok International Motor Show รอบ
สื่อมวงชน เดือนมีนาคม ที่ผ่านมา เปิดตัวรถยนต์รุ่นนี้กันกลางบูธ แทนที่จะปฎิบัติตาม
ธรรมเนียมเดิมๆ คือ จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวในโรงแรมหรือศูนย์ประชุม แสดงสินค้า ที่ใด
สักแห่ง ก่อนจะส่งรถมาเข้าร่วมงานแสดงรถยนต์ เปิดตัวสู่สาธารณชน ในภายหลัง

ดูจะเป็นการประหยัดงบประมาณการตลาดที่ต้องใช้ในช่วงเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่
กันอย่างแปลกๆ ไม่เคยมีมาก่อน

แถมตอนเปิดตัว Toyota ยังไม่พร้อมส่งรถยนต์ให้กับผู้จำหน่ายกว่า 300 โชว์รูมทั่วไทย
ต้องรอพ้นช่วงหยุดยาว จากเทศกาลสงกรานต์ จึงจะเริ่มกลับมาผลิตอีกครั้ง การเตรียม
กองทัพ Vios ใหม่ เพื่อช่วงเปิดตัว จึงเกิดขึ้นอย่างเต็มรูปแบบ จากโรงงาน Gateway
สู่บรรดาโชว์รูมทั่วประเทศ พร้อมเพรียงกันในวันที่ 10 พฤษภาคม 2013 ที่ผ่านมาหมาดๆ

ทำให้ผมเองต้องยกเลิกแผนลองขับ Vios ใหม่ ก่อนสื่อรายใด ไปโดยปริยาย เพราะ
ไม่มีเวลาว่างพอที่จะทำบทความนี้ได้อีก มีทางเดียวที่เหลืออยู่ คือมาร่วมทดลองขับ
ในทริปสื่อมวลชน กลุ่มแรก ที่จัดขึ้น เมื่อวันที่ 27 - 28 พฤษภาคม 2013 ขับรถไป-
กลับ ระหว่าง โรงแรม Otaku...เอ้ย! Okura เพลินจิต กับ โรงแรม Hotel de la praix
ที่หัวหิน



อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยเวลาจำกัด และปริมาณรถทดลองขับ กับผู้เข้าร่วมกิจกรรม
มีเยอะมาก ทำให้ผมถูกจัดสรรให้มาลองขับ Vios รุ่น G เกียร์อัตโนมัติ อันเป็นรุ่น
Option กลางๆ ค่อนข้างจะดี ซึ่งได้รับแจ้งมาว่า ช่วงล่างของรุ่น G E และ J จะนุ่ม
ต่างจาก รุ่น S ซึ่งจะกระด้างขึ้นนิดนึง

อีกทั้ง ด้วยเส้นทางซึ่งเต็มไปด้วยรถราคับคั่ง การจราจรติดขัด และถนนที่ใช้ในช่วง
ครึ่งหลัง ก็เป็น ทาง 2 เลน ผ่านชุมชน มีเลี้ยวซ้ายและขวามากมาย เข้าไปสู่หาดชะอำ
ระยะทางสั้นลง 20 กิโลเมตร แต่ใช้ความเร็วได้ไม่กมากเกินไปกว่า 120  กิโลเมตร/
ชั่วโมง ดังนั้น ในบทความนี้ จึงยังไม่มีการทดลองตัวเลขอัตราเร่ง อัตราสิ้นเปลือง
หรือความเร็วสูงสุดต่างๆมาให้

เราเดินทางไปร่วมทริป ไปกันเป็นหมู่คณะ ขับกันไปหลายคัน จะทดลองรถเอง
โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ร่วมทริปเดียวกันท่านอื่นๆ ก็ไม่ถูกต้องแน่ๆ

ดังนั้น ในรีวิวนี้ จึงจะมีรายละเอียดและภาพถ่ายของรุ่น G กันเป็นหลัก ส่วนรุ่น S
และบรรดาตัวเลขทั้งหลายที่คุณอยากรู้ เก็บเอาไว้รออ่านอีกครั้งใน บทความฉบับ
Full Review ก็แล้วกัน...



นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในเมืองไทย เมื่อเดือนมกราคม 1997 Soluna Vios ก็กลายเป็น
ผู้เล่นรายสำคัญของตลาดรถยนต์นั่งในเมืองไทย ด้วยการครองแชมป์ยอดขายอันดับ 1
ต่อเนื่องกันมาเรื่อยๆ แม้ว่าในช่วงรุ่นแรก 1997 - 2002 อาจมีอุปสรรคจาก คู่รักคู่แค้น
อย่าง Honda City มากอบโกยยอดขายไปให้ลุ้นระทึกบ้าง (อ้อ...ปลายปีนี้จะมี All New Honda City 2013 รุ่นใหม่ออกมาด้วยนะ)

แต่เมื่อถึงเดือนพฤศจิกายน 2002 จุดเปลี่ยนก็มาถึง เมื่อ Toyota เปิดตัว Soluna Vios
แล้วดึง Britney Spear มาเป็น Presenter ด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ดี ในราคาที่คุ้มค่า
ทำให้ Vios กลับขึ้นมาผงาดเป็นหมายเลข 1 ในกลุ่มรถยนต์นั่ง B-segment หรือ
Sub-Compact class 1,300 - 1,600 ซีซี ต่อเนื่องกันนับแต่นั้น จนถึงปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม ในปี 2007 Toyota เริ่มแนวทางยกระดับการพัฒนา Vios จากเดิมที่
เป็นเพียงแค่ "รถยนต์ เพื่อภูมิภาค ASEAN " ให้กลายเป็น Global Small Sedan
มากขึ้น Vios ใหม่ที่เปิดตัวในเมืองไทย จึงกลายเป็นรถยนต์รุ่นเดียวกันกับ
Belta ในญี่ปุ่น และ Yaris Sedan ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งก็สอดคล้องกับในอดีต
ที่ผ่านมา อันเป็นที่รับรู้กันดีอยู่แล้วว่า Vios ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานงานวิศวกรรม
และพื้นตัวถัง Platform ร่วมกับ Toyota Vitz / Yaris สำหรับตลาดทั่วโลก...

ที่เหลือตามไปอ่านต่อที่เว็บเขาเองละกันเน้อ...ผมกลัวโดนด่าเพราะเขาห้ามเผยแพร่
อ้อ...แล้วเดี๋ยวของเว็บอื่นก็จะตามมาอีกเป็นกระบุงโกยแน่นอนไม่ต้องห่วง รอได้เลยครับ


พอดีตอนนี้เริ่มเห็นรีวิว Toyota Vios 2013 เริ่มออกมาแล้วนะครับ หลังจากที่ทางโตโยต้าเปิดให้ทดสอบกัน จริงๆทางเจ้าของบทความเขาห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่นอกจากจะขออนุญาตเขาเสียก่อน แต่ผมถือวิสาสะแล้วกันนะ เพราะผมถือว่าผมไม่ได้เผยแพร่นะ แค่เอามาแนะนำเฉยๆ ที่เหลือลองไปอ่านกันต่อในเว็บ headlightmag.com นะครับ ลงมากไม่ได้ เดี๋ยวผมโดนเจ้าของเขาด่า



ผมเองก็รอคอยไม่แพ้คุณผู้อ่านละครับ

รอว่าเมื่อไหร่จะได้ทำบทความนี้ให้คุณได้อ่านกันเสียที อุตส่าห์วางแผนเตรียมการ
ไว้เงียบๆ มานาน ตั้งแต่รู้กำหนดการเปิดตัว คิดไว้เสร็จสรรพเลยว่า ถ้าวันไหน Vios
เปิดตัวปุ๊บ ก็จะดิ่งเข้าไปทดลองขับ กันที่ ดีลเลอร์ แล้วก็ทำบทความรีวิวแบบสั้นๆ
First Impression ให้คุณได้อ่านกันทันที

ที่ไหนได้ Toyota กลับเปิดตัว Vios ใหม่ กันแบบ..แปลกๆกว่าพี่น้องร่วมตระกูลคันอื่นๆ
อย่างมาก เพราะเล่นใช้เวทีในงาน Bangkok International Motor Show รอบ
สื่อมวงชน เดือนมีนาคม ที่ผ่านมา เปิดตัวรถยนต์รุ่นนี้กันกลางบูธ แทนที่จะปฎิบัติตาม
ธรรมเนียมเดิมๆ คือ จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวในโรงแรมหรือศูนย์ประชุม แสดงสินค้า ที่ใด
สักแห่ง ก่อนจะส่งรถมาเข้าร่วมงานแสดงรถยนต์ เปิดตัวสู่สาธารณชน ในภายหลัง

ดูจะเป็นการประหยัดงบประมาณการตลาดที่ต้องใช้ในช่วงเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่
กันอย่างแปลกๆ ไม่เคยมีมาก่อน

แถมตอนเปิดตัว Toyota ยังไม่พร้อมส่งรถยนต์ให้กับผู้จำหน่ายกว่า 300 โชว์รูมทั่วไทย
ต้องรอพ้นช่วงหยุดยาว จากเทศกาลสงกรานต์ จึงจะเริ่มกลับมาผลิตอีกครั้ง การเตรียม
กองทัพ Vios ใหม่ เพื่อช่วงเปิดตัว จึงเกิดขึ้นอย่างเต็มรูปแบบ จากโรงงาน Gateway
สู่บรรดาโชว์รูมทั่วประเทศ พร้อมเพรียงกันในวันที่ 10 พฤษภาคม 2013 ที่ผ่านมาหมาดๆ

ทำให้ผมเองต้องยกเลิกแผนลองขับ Vios ใหม่ ก่อนสื่อรายใด ไปโดยปริยาย เพราะ
ไม่มีเวลาว่างพอที่จะทำบทความนี้ได้อีก มีทางเดียวที่เหลืออยู่ คือมาร่วมทดลองขับ
ในทริปสื่อมวลชน กลุ่มแรก ที่จัดขึ้น เมื่อวันที่ 27 - 28 พฤษภาคม 2013 ขับรถไป-
กลับ ระหว่าง โรงแรม Otaku...เอ้ย! Okura เพลินจิต กับ โรงแรม Hotel de la praix
ที่หัวหิน



อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยเวลาจำกัด และปริมาณรถทดลองขับ กับผู้เข้าร่วมกิจกรรม
มีเยอะมาก ทำให้ผมถูกจัดสรรให้มาลองขับ Vios รุ่น G เกียร์อัตโนมัติ อันเป็นรุ่น
Option กลางๆ ค่อนข้างจะดี ซึ่งได้รับแจ้งมาว่า ช่วงล่างของรุ่น G E และ J จะนุ่ม
ต่างจาก รุ่น S ซึ่งจะกระด้างขึ้นนิดนึง

อีกทั้ง ด้วยเส้นทางซึ่งเต็มไปด้วยรถราคับคั่ง การจราจรติดขัด และถนนที่ใช้ในช่วง
ครึ่งหลัง ก็เป็น ทาง 2 เลน ผ่านชุมชน มีเลี้ยวซ้ายและขวามากมาย เข้าไปสู่หาดชะอำ
ระยะทางสั้นลง 20 กิโลเมตร แต่ใช้ความเร็วได้ไม่กมากเกินไปกว่า 120  กิโลเมตร/
ชั่วโมง ดังนั้น ในบทความนี้ จึงยังไม่มีการทดลองตัวเลขอัตราเร่ง อัตราสิ้นเปลือง
หรือความเร็วสูงสุดต่างๆมาให้

เราเดินทางไปร่วมทริป ไปกันเป็นหมู่คณะ ขับกันไปหลายคัน จะทดลองรถเอง
โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ร่วมทริปเดียวกันท่านอื่นๆ ก็ไม่ถูกต้องแน่ๆ

ดังนั้น ในรีวิวนี้ จึงจะมีรายละเอียดและภาพถ่ายของรุ่น G กันเป็นหลัก ส่วนรุ่น S
และบรรดาตัวเลขทั้งหลายที่คุณอยากรู้ เก็บเอาไว้รออ่านอีกครั้งใน บทความฉบับ
Full Review ก็แล้วกัน...



นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในเมืองไทย เมื่อเดือนมกราคม 1997 Soluna Vios ก็กลายเป็น
ผู้เล่นรายสำคัญของตลาดรถยนต์นั่งในเมืองไทย ด้วยการครองแชมป์ยอดขายอันดับ 1
ต่อเนื่องกันมาเรื่อยๆ แม้ว่าในช่วงรุ่นแรก 1997 - 2002 อาจมีอุปสรรคจาก คู่รักคู่แค้น
อย่าง Honda City มากอบโกยยอดขายไปให้ลุ้นระทึกบ้าง (อ้อ...ปลายปีนี้จะมี All New Honda City 2013 รุ่นใหม่ออกมาด้วยนะ)

แต่เมื่อถึงเดือนพฤศจิกายน 2002 จุดเปลี่ยนก็มาถึง เมื่อ Toyota เปิดตัว Soluna Vios
แล้วดึง Britney Spear มาเป็น Presenter ด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ดี ในราคาที่คุ้มค่า
ทำให้ Vios กลับขึ้นมาผงาดเป็นหมายเลข 1 ในกลุ่มรถยนต์นั่ง B-segment หรือ
Sub-Compact class 1,300 - 1,600 ซีซี ต่อเนื่องกันนับแต่นั้น จนถึงปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม ในปี 2007 Toyota เริ่มแนวทางยกระดับการพัฒนา Vios จากเดิมที่
เป็นเพียงแค่ "รถยนต์ เพื่อภูมิภาค ASEAN " ให้กลายเป็น Global Small Sedan
มากขึ้น Vios ใหม่ที่เปิดตัวในเมืองไทย จึงกลายเป็นรถยนต์รุ่นเดียวกันกับ
Belta ในญี่ปุ่น และ Yaris Sedan ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งก็สอดคล้องกับในอดีต
ที่ผ่านมา อันเป็นที่รับรู้กันดีอยู่แล้วว่า Vios ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานงานวิศวกรรม
และพื้นตัวถัง Platform ร่วมกับ Toyota Vitz / Yaris สำหรับตลาดทั่วโลก...

ที่เหลือตามไปอ่านต่อที่เว็บเขาเองละกันเน้อ...ผมกลัวโดนด่าเพราะเขาห้ามเผยแพร่
อ้อ...แล้วเดี๋ยวของเว็บอื่นก็จะตามมาอีกเป็นกระบุงโกยแน่นอนไม่ต้องห่วง รอได้เลยครับ




พอดีตอนนี้เริ่มเห็นรีวิว Toyota Vios 2013 เริ่มออกมาแล้วนะครับ หลังจากที่ทางโตโยต้าเปิดให้ทดสอบกัน จริงๆทางเจ้าของบทความเขาห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่นอกจากจะขออนุญาตเขาเสียก่อน แต่ผมถือวิสาสะแล้วกันนะ เพราะผมถือว่าผมไม่ได้เผยแพร่นะ แค่เอามาแนะนำเฉยๆ ที่เหลือลองไปอ่านกันต่อในเว็บ headlightmag.com นะครับ ลงมากไม่ได้ เดี๋ยวผมโดนเจ้าของเขาด่า



ผมเองก็รอคอยไม่แพ้คุณผู้อ่านละครับ

รอว่าเมื่อไหร่จะได้ทำบทความนี้ให้คุณได้อ่านกันเสียที อุตส่าห์วางแผนเตรียมการ
ไว้เงียบๆ มานาน ตั้งแต่รู้กำหนดการเปิดตัว คิดไว้เสร็จสรรพเลยว่า ถ้าวันไหน Vios
เปิดตัวปุ๊บ ก็จะดิ่งเข้าไปทดลองขับ กันที่ ดีลเลอร์ แล้วก็ทำบทความรีวิวแบบสั้นๆ
First Impression ให้คุณได้อ่านกันทันที

ที่ไหนได้ Toyota กลับเปิดตัว Vios ใหม่ กันแบบ..แปลกๆกว่าพี่น้องร่วมตระกูลคันอื่นๆ
อย่างมาก เพราะเล่นใช้เวทีในงาน Bangkok International Motor Show รอบ
สื่อมวงชน เดือนมีนาคม ที่ผ่านมา เปิดตัวรถยนต์รุ่นนี้กันกลางบูธ แทนที่จะปฎิบัติตาม
ธรรมเนียมเดิมๆ คือ จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวในโรงแรมหรือศูนย์ประชุม แสดงสินค้า ที่ใด
สักแห่ง ก่อนจะส่งรถมาเข้าร่วมงานแสดงรถยนต์ เปิดตัวสู่สาธารณชน ในภายหลัง

ดูจะเป็นการประหยัดงบประมาณการตลาดที่ต้องใช้ในช่วงเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่
กันอย่างแปลกๆ ไม่เคยมีมาก่อน

แถมตอนเปิดตัว Toyota ยังไม่พร้อมส่งรถยนต์ให้กับผู้จำหน่ายกว่า 300 โชว์รูมทั่วไทย
ต้องรอพ้นช่วงหยุดยาว จากเทศกาลสงกรานต์ จึงจะเริ่มกลับมาผลิตอีกครั้ง การเตรียม
กองทัพ Vios ใหม่ เพื่อช่วงเปิดตัว จึงเกิดขึ้นอย่างเต็มรูปแบบ จากโรงงาน Gateway
สู่บรรดาโชว์รูมทั่วประเทศ พร้อมเพรียงกันในวันที่ 10 พฤษภาคม 2013 ที่ผ่านมาหมาดๆ

ทำให้ผมเองต้องยกเลิกแผนลองขับ Vios ใหม่ ก่อนสื่อรายใด ไปโดยปริยาย เพราะ
ไม่มีเวลาว่างพอที่จะทำบทความนี้ได้อีก มีทางเดียวที่เหลืออยู่ คือมาร่วมทดลองขับ
ในทริปสื่อมวลชน กลุ่มแรก ที่จัดขึ้น เมื่อวันที่ 27 - 28 พฤษภาคม 2013 ขับรถไป-
กลับ ระหว่าง โรงแรม Otaku...เอ้ย! Okura เพลินจิต กับ โรงแรม Hotel de la praix
ที่หัวหิน



อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยเวลาจำกัด และปริมาณรถทดลองขับ กับผู้เข้าร่วมกิจกรรม
มีเยอะมาก ทำให้ผมถูกจัดสรรให้มาลองขับ Vios รุ่น G เกียร์อัตโนมัติ อันเป็นรุ่น
Option กลางๆ ค่อนข้างจะดี ซึ่งได้รับแจ้งมาว่า ช่วงล่างของรุ่น G E และ J จะนุ่ม
ต่างจาก รุ่น S ซึ่งจะกระด้างขึ้นนิดนึง

อีกทั้ง ด้วยเส้นทางซึ่งเต็มไปด้วยรถราคับคั่ง การจราจรติดขัด และถนนที่ใช้ในช่วง
ครึ่งหลัง ก็เป็น ทาง 2 เลน ผ่านชุมชน มีเลี้ยวซ้ายและขวามากมาย เข้าไปสู่หาดชะอำ
ระยะทางสั้นลง 20 กิโลเมตร แต่ใช้ความเร็วได้ไม่กมากเกินไปกว่า 120  กิโลเมตร/
ชั่วโมง ดังนั้น ในบทความนี้ จึงยังไม่มีการทดลองตัวเลขอัตราเร่ง อัตราสิ้นเปลือง
หรือความเร็วสูงสุดต่างๆมาให้

เราเดินทางไปร่วมทริป ไปกันเป็นหมู่คณะ ขับกันไปหลายคัน จะทดลองรถเอง
โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ร่วมทริปเดียวกันท่านอื่นๆ ก็ไม่ถูกต้องแน่ๆ

ดังนั้น ในรีวิวนี้ จึงจะมีรายละเอียดและภาพถ่ายของรุ่น G กันเป็นหลัก ส่วนรุ่น S
และบรรดาตัวเลขทั้งหลายที่คุณอยากรู้ เก็บเอาไว้รออ่านอีกครั้งใน บทความฉบับ
Full Review ก็แล้วกัน...



นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในเมืองไทย เมื่อเดือนมกราคม 1997 Soluna Vios ก็กลายเป็น
ผู้เล่นรายสำคัญของตลาดรถยนต์นั่งในเมืองไทย ด้วยการครองแชมป์ยอดขายอันดับ 1
ต่อเนื่องกันมาเรื่อยๆ แม้ว่าในช่วงรุ่นแรก 1997 - 2002 อาจมีอุปสรรคจาก คู่รักคู่แค้น
อย่าง Honda City มากอบโกยยอดขายไปให้ลุ้นระทึกบ้าง (อ้อ...ปลายปีนี้จะมี All New Honda City 2013 รุ่นใหม่ออกมาด้วยนะ)

แต่เมื่อถึงเดือนพฤศจิกายน 2002 จุดเปลี่ยนก็มาถึง เมื่อ Toyota เปิดตัว Soluna Vios
แล้วดึง Britney Spear มาเป็น Presenter ด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ดี ในราคาที่คุ้มค่า
ทำให้ Vios กลับขึ้นมาผงาดเป็นหมายเลข 1 ในกลุ่มรถยนต์นั่ง B-segment หรือ
Sub-Compact class 1,300 - 1,600 ซีซี ต่อเนื่องกันนับแต่นั้น จนถึงปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม ในปี 2007 Toyota เริ่มแนวทางยกระดับการพัฒนา Vios จากเดิมที่
เป็นเพียงแค่ "รถยนต์ เพื่อภูมิภาค ASEAN " ให้กลายเป็น Global Small Sedan
มากขึ้น Vios ใหม่ที่เปิดตัวในเมืองไทย จึงกลายเป็นรถยนต์รุ่นเดียวกันกับ
Belta ในญี่ปุ่น และ Yaris Sedan ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งก็สอดคล้องกับในอดีต
ที่ผ่านมา อันเป็นที่รับรู้กันดีอยู่แล้วว่า Vios ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานงานวิศวกรรม
และพื้นตัวถัง Platform ร่วมกับ Toyota Vitz / Yaris สำหรับตลาดทั่วโลก...

ที่เหลือตามไปอ่านต่อที่เว็บเขาเองละกันเน้อ...ผมกลัวโดนด่าเพราะเขาห้ามเผยแพร่
อ้อ...แล้วเดี๋ยวของเว็บอื่นก็จะตามมาอีกเป็นกระบุงโกยแน่นอนไม่ต้องห่วง รอได้เลยครับ

รายละเอียด

สำหรับ Toyota All New Vios 2013 ก็เรียกได้ว่ามีการปรับโฉมไปอย่างมากจากรุ่นก่อนหน้านี้ ซึ่งถือว่าเป็นการพลิกโฉมการออกแบบทั้งภายนอกและภายในหมดจดเฉียบคมตั้งแต่ไฟหน้าจรดไฟท้ายเลยทีเดียว
การเปิดตัวของ Toyota All New Vios 2013 ในงานมอเตอร์โชว์คราวนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกที่บุคคลทั่วไปจะได้สัมผัสเจ้าวีออสตัวเป็นๆ หลังจากที่เปิดให้จองกันตั้งแต่ปีที่แล้ว

สำหรับสีที่เป็นตัวชูโรงคราวนี้ก็คือน้องออสสีแดงสดเป็นพระเอกสวยเด่นเป็นสง่าอยู่กลางเวที

หลังจากที่ได้ฟังข้อมูลแนะนำน้องออสกันแล้ว ต่อไปเราก็เข้าไปสัมผัสน้องออสกันแบบใกล้ชิดถึงเนื้อถึงตัวกันบ้างดีกว่า สำหรับตัวนี้พอดีทีมงานลืมดูว่าเป็นรุ่นอะไร แต่จากที่ดูน่าจะตัวรองท็อปรุ่น E นะครับ ส่วนภาพนี้ก็เป็นกันชนหน้าและกระจังหน้าสไตล์สปอร์ต ดูกลมกลืนเข้ากับบอดี้รถเป็นอย่างดี

ด้านหน้าอย่างชัดๆ อีกทีหนึ่ง กระจังหน้าเปลี่ยนแนวจากรุ่นก่อนแบบพลิกฝ่ามือ แต่ก็แอบคล้ายกับรถอีกรุ่นหนึ่งที่ออกมาก่อนหน้า ซึ่งก็ยังมีรถอีกหลายรุ่นหลายยี่ห้อที่ก็เริ่มออกแบบกระจังหน้าสไตล์นี้เช่นกัน แต่ก็นะ ถือว่าเป็นเทรนด์ใหม่ของรถดีไซน์สปอร์ตละกัน

มาดูด้านข้างบ้าง มีคาดแถบโครเมื่ยม เพิ่มความหรู มีไฟเลี้ยวแปะไว้ตรงแก้ม (ถ้าเป็นตัวท็อปจะอยู่ที่หูช้างครับ) มือจับเป็นสีเดียวกับตัวรถ แต่ตัวท็อปจะเป็นโครเมื่ยมและมีระบบ Smart Entry ที่สามารถกดปุ่มที่มือจับเพื่อเปิดรถได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้กุญแจ ตัวรองท็อปอดนะจ๊ะ

ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้วออกแนวเรียบๆ ไม่หวือหวา (ถ้าเป็นรุ่นท็อปจะเป็นล้ออัลลอยรมดำ 16 นิ้วจ้า)

มาดูไฟหน้ากันชัดๆ กันบ้าง สำหรับไฟหน้ารุ่นรองท็อปจะเป็นมัลติรีเฟลกเตอร์ รุ่นท็อปจะเป็นไฟโปรเจคเตอร์รมดำ (จะอารมณ์สปอร์ตไปถึงไหนล่ะเนี่ย) ส่วนไฟตัดหมอกถูกแยกออกมาวางไว้ด้านล่าง เพิ่มความหรูด้วยการตัดด้วยแถบโครเมื่ยม

ถอยมาดูห่างๆ

มาดูปั้นท้ายน้องออสกันบ้าง ไฟท้ายแบบมัลติรีเฟลกเตอร์ มีการรวมไฟถอยและไฟเลี้ยวมาไว้แนวเดียวกัน ไฟเบรคและไฟกลางคืนโดดเด่นเป็นสง่า คิ้วฝากระโปรงท้ายที่เชื่อมระหว่างไฟถอยทั้งสองข้างตัวรองท็อปจะเป็นสีเดียวกับตัวรถ แต่ตัวท็อปจะเป็นโครเมียมรมดำ (รู้สึกตัวรองท็อปคราวนี้จะเป็นลูกเมียน้อยมาก นี่ขนาดแค่ภายนอกนะเนี่ย)

ไฟท้ายแบบเต็มๆ ตา

เปิดท้ายรถ


พื้นที่เก็บของกว้างจุใจ ด้วยดีไซน์ใหม่ให้กว้างและลึกกว่าเดิม แถมมีแหดักปลามาให้ด้วย (เพื่อ?) แอบรู้สึกเกะกะนิดๆ พอใช้จริงๆ คงต้องถอดออกล่ะครับท่าน



ขอขอบคุณ http://www.toyota.co.th

วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เริ่มแล้วงานยิ่งใหญ่แห่งปี ยนตกรรมรถหรู "บางกอก ออโต้ ซาลอน"




เริ่มแล้ว "บางกอกฯออโต้ ซาลอน 2013"


โดย : ASTVผู้จัดการออนไลน์  20 มิ.ย. 2556 22:34 น.

ข่าวในประเทศ- ‘สยามสปอร์ต’ ร่วมกับ ‘อินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นท์’
เปิดงาน ‘บางกอก อินเตอร์ เนชันแนล ออโต ซาลอน 2013’ ครั้งที่ 2
 ทุ่มทุนกว่า 300 ล้านบาท เนรมิตรพื้นที่ 40,000 ตารางเมตร ให้ผู้เข้าชม
งานได้ ยลโฉมสุดยอดรถแต่งอย่างใกล้ชิด โดยตั้งเป้าผู้ชมถึง
1,000,000 คน เริ่มแล้วตั้งแต่วันนี้-30 มิถุนายน ณ ชาเลนเจอร์
ฮอลล์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธาน๊


วิลักษณ์ โหลทอง ประธานการจัดงานฯ เผยว่า “เรามีความพร้อม
อย่างเต็มที่ในการจัดงาน โดยปีนี้เน้นความพิเศษยิ่งขึ้นกับรูปแบบ
การจัดงานแบบ “เอนเตอร์เทนเม้นท์คาร์โชว์” (ENTERTAINMENT
CAR SHOW) ของต้นกำเนิด โตเกียว ออโต ซาลอน
งานคาร์โชว์ระดับโลก โดยแบ่งกิจกรรมเป็น 3 ส่วนสำคัญ คือ
 การแสดงนวัตกรรมและการออกแบบรถแต่งและอุปกรณ์โมดิฟาย
ของผู้ประกอบการต่างๆ การเปิดโอกาสทางธุรกิจและส่งเสริมการตลาด
 และความบันเทิงสนุกสนานต่างๆ โดยผู้ชมสามารถได้รับความ
สนุกสนานหลากมิติได้ภายในงานเดียว พร้อมตอบรับไลฟ์สไตล์
อันทันสมัยแบบคนรุ่นใหม่ของกลุ่มเป้าหมายผู้เข้าชมงาน
 ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นได้จากความร่วมมือเป็นอย่างดีของทุกฝ่าย
 ทั้งการสนับสนุนของภาครัฐ องค์กรการค้าต่างประเทศ และ
พันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศของเรา”

สิ่งสำคัญที่สุดคือ การได้สัมผัสใกล้ชิดกับรถแต่งระดับโลกกว่า 50 คัน
 นำเข้าจาก TOKYO AUTO SALON ZONE ของญี่ปุ่น โดยแต่ละ
คันนับเป็น 1 เดียวในโลก ที่มีทั้งความแรงและความสวยงามจากฝี
มือของสำนักแต่งชื่อดังในญี่ปุ่น รวมมูลค่ารถพร้อมอุปกรณ์โมดิฟาย
สูงกว่า 700 ล้านบาท รถคันที่แนะนำห้ามพลาดชมเด็ดขาด คือ
รถเร็วที่สุดในโลกในรุ่นเดียวกัน นิสสัน ซูเปอร์ จีที-อาร์ 1200 ท๊อป ซีเคร็ท
 ด้วยเครื่องยนต์ทรงพลังกว่า 1,000 แรงม้า สร้างสถิติความเร็วสูงสุดถึง
377.246 กม./ชม. ที่สนาม Nardo Top Speed Challenge ประเทศอิตาลีช่วง
ต้นปีที่ผ่านมา, โตโยต้า 86 ทอมส์, มาสด้า อาร์เอ็กซ์-8 ไนท์ สปอร์ต
ซึ่งร่วมแข่งขันในงาน มาเก๊า จีพี โรดสปอร์ต ชาเลนจ์, บีเอ็มดับเบิลยู
แกรนด์คูเป้ 3ดี ดีไซน์ อิดิชั่น, และรถฮอนด้า ซีอาร์-แซด มูเก็น
อาร์อาร์ คอนเซ็ปต์, ซูบารุ เลกาซี่ จีที300, อาร์ติส แฮรี่เออร์ ไทป์
 อิซาวา ดีไซน์ เวอร์ เรียล ซี สไตล์ ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศสาขา
เอสยูวีจากโตเกียว ออโต ซาลอน 2013 รวมทั้งจักรยานยนต์และ
อุปกรณ์ตกแต่งล้ำสมัยอีกมากมาย


นอกจากนี้ในงานคัดสรรความบันเทิงจาก ทั้งไทยและต่างประเทศ โดยไฮไลท์ของ
สุดสัปดาห์แรก คอนเสิร์ต ‘J-Pop Signature in Bangkok’ นำโดย 2 นักร้องสุดฮิปบิน
จากโตเกียวเพื่องานนี้ คือ ‘คานาเมะ คาวาบาตะ’ มาเปิดตัวอัลบั้มใหม่ และ ‘มิจิ’
 นักร้องลูกครึ่งสาวสวย ร่วมแสดงกับ ‘ไทยเทเนียม’ วงดนตรีดังของไทย
โดยการสนับสนุนขององค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO)
มูลนิธิส่งเสริมอุตสาหกรรมดนตรีและวัฒนธรรม (PROMIC) และ สมาคม
ผู้จำหน่ายเครื่องดนตรีแห่งญี่ปุ่น (MPAJ) ผู้เข้าชมงานจะได้พบศิลปินไทย
และขบวนสาวสวยทั้งญี่ปุ่น เกาหลี และไทยกว่า 100 คน สลับหมุนเวียนกัน
ตลอด 11 วัน นำทีมโดย A-Class Girls สาวสวยอิมเมจเกิร์ลของโตเกียว
ออโต ซาลอน, กราเวีย ไอดอล, ดริฟท์ แองเจิล, เรซ ควีน, นางแบบจากเกาหลี
 โชว์ล้างรถสุดเซ็กซี่ของสาวแดนอาทิตย์อุทัยปะทะกับสาวดีกรีฮ็อตของไทย
 เอฟเอชเอ็ม เกิร์ล เน็กซ์ ดอร์, เรย์ โมเดล, เอสคาวาอิ ไอดอล รวมถึงศิลปะการต่อสู้
นินจาสาวญี่ปุ่นครั้งแรกในไทย จากเอโดะ วันเดอร์แลนด์ รวมทั้งการประกวด
 A-CLASS BANGKOK AUTO SALON IMAGE GIRL 2013
เพื่อหาตัวแทนจากไทยไปร่วมงานโตเกียว ออโต ซาลอน 2014 ที่ญี่ปุ่น



ทั้งนี้ บางกอก อินเตอร์เนชันแนล ออโต ซาลอน 2013 จัดขึ้นช่วงวันที่
20-30 มิถุนายน 2556 วันธรรมดา 12.00-21.30 น. วันเสาร์-อาทิตย์
 11.00-21.30 น. ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
บัตรราคา 100 บาท




ขอขอบคุณ: ASTVผู้จัดการออนไลน์









วันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Yaris 2013

yaris เหตุผลที่ตอบได้ด้วยความรู้สึก
ทุกสิ่งที่เลือก สะท้อนตัวตันที่เป็น
โลดแล่นไร้มิติในโลฟ์สไตล์ชีวิตที่แตกต่าง
ก้ายข้ามทุกกฎเกณฑ์ สู่ตัวตนล้ำเทรนด์ที่เป็นคุณ



กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวปรับด้วยไฟฟ้า เติมความสปอร์ตให้อารมณ์ท้าทาย








สเกิร์ตกันชนหน้าพร้อมไฟตัดหมอก สปอร์เท่ ลงตัวในทุกดีไซน์







ไฟท้ายพร้อมไฟเบรกดีไซน์ใหม่ บ่งบอกความเร้าใจ





ไฟหน้าแบบมัลติรีเฟลกเตอร์





ล้ออัลลอย 15 นิ้ว





สเกิร์ตหน้าพร้อมไฟตัดหมอก





สเกิร์ตข้าง





สปอยเลอร์หลังคาและสเกิร์ดหลังคา





ลิ้นชักเก็บของ





ที่วางแก้ว







ถาดใส่ของเอนกประสง




ถาดใส่ของใต้เบาะ




ช่องเก็บของบริเวณคอนโซล




ช่องเก็บของด้านข้างประตู




ช่องเก็บของบริเวณคอลโซลหน้า




กล่องเก็บของเหนือพวงมาลัย




เบาะนั่งด้านหลังเลือนสไลด์




เบาะนั่งด้านหลังปรับพับ แบบแยกส่วนได้ แบบ 60:40




ภายในห้องโดยสาร




แผงคอลโซลหน้า




สวิตควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย




ลำโพง 6 ตำแหน่ง




เครื่องเสียง วิทยุ FM AM CD MP3





ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ




ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ




หน้าปัด




วงเลียว 4.7 เมตร




ไฟเบรกดวงที่ 3




ไฟตัดหมอก




ถุงลมหน้าคู่




ระบบกันสะเทือน




ดิสเบรก 4 ล้อ




โครงสร้างเบาะนั่ง WIL ช่วยดูดซับแรงกระแทกจากการชนท้าย




เครื่องยนต์ 1 NZ-FE VVT-i 4 สูบ 1.5ลิตร





เข็มขัดนิรภัยแบบดึกกลับ




ระบบป้องกันการโจรกรรม Immobilizer
ป้องกันกุญแจเลียนแบบไม่ให้สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้
หากระหัสของกุญแจและเครื่องยนต์ไม่ตรงกันที่ระบบบับทึกไว้




โครงสร้างนิรภัย GOA




รองรับ แก็สโซฮอล E20




ระบบเบรก ABS




ข้อมูลทางเทคนิค(specification)